วันพุธที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

บริจาคเหมือนซอฮาบะห์หรือป่าว




ครั้งหนึ่งท่านนบีกล่าวถึงท่านอบูบักรว่า “คนที่ช่วยฉันมากที่สุดทั้งความเป็นเพื่อนและทรัพย์สินก็คืออบูบักร 
ถ้าหากฉันจะเอาใครเป็นเพื่อนสนิทที่สุด (เคาะลีล) นอกเหนือจากพระเจ้าของฉันแล้ว ฉันก็จะเลือกอบูบักร 
แต่สิ่งที่ผูกพันเราไว้ก็คือความเป็นพี่น้องและความเป็นเพื่อนแห่งอิสลาม ประตูของมัสญิดจะถูกปิดนอกไปจากประตูของอบูบักร 
ท่านอุมัรเล่าว่า “ฉันมีทรัพย์สินอยู่จำนวนหนึ่ง ฉันคิดอยู่ในใจของฉันเองว่าครั้งแล้วครั้งเล่าที่อบูบักรขึ้นนำหน้าฉันในการใช้จ่ายเพื่อหนทางของอัลลอฮฺในสงครามตะบูก ดังนั้นด้วยความกรุณาของอัลลอฮฺ ฉันจะขอขึ้นนำหน้าเขาบ้างในวันนี้ เพราะฉันมีอะไรบางอย่างที่จะให้ ดังนั้น ฉันจึงได้กลับไปบ้านด้วยอารมณ์ดี ฉันแบ่งทรัพย์สินของฉันออกเป็นสองส่วนเท่าๆ กัน ส่วนหนึ่งฉันทิ้งไว้ให้ครอบครัวของฉันและอีกส่วนหนึ่งจะไปให้ท่านรอซูลุลลอฮฺ
ท่านรอซูลุลลอฮฺถามฉันว่าฉันเหลืออะไรไว้ให้ครอบครัวบ้างหรือเปล่า? ฉันตอบรับ ท่านจึงถามว่าเท่าใด? ฉันตอบว่าครึ่งหนึ่ง ในตอนนั้น อบูบักรผ่านมาพร้อมกับมีสิ่งของบนหลังอูฐ ปรากฏว่าเขาได้นำเอาทุกสิ่งที่เขามีอยู่ทั้งหมดมาให้ ฉันได้ยินท่านรอซูลุลลอฮฺถามอบูบักรว่า
เขาเหลืออะไรไว้ให้ครอบครัวของเขาบ้าง อบูบักรตอบว่าเขาเหลืออัลลอฮฺและนบีของพระองค์ไว้สำหรับพวกเขา” ในวันนั้นเองที่อุมัรยอมรับว่าเขาไม่สามารถที่จะขึ้นนำหน้าอบูบักรได้

นี่เป็นสิ่งที่เกินขึ้นในสมัยนบี คนยุคอยากเราล่ะ เสียสละทรัพย์สินในหนทางของอัลลอฮบ้างหรอป่าว อย่าเป็นคนตระนี่ถี่เหนียว เพราะอัลลอฮไม่รักคนที่ตระนี่ถี่เหนียว
คุณบริจาคจากไปในหนทางของอัลลอฮ อัลลอฮก็จะเพิ่มริสกีของคุณอีกหลายเท่าคุณจะไม่เอาหรอ

มาบริจาคในหนทางของอัลลอฮเป็นกิจวัตนะคับพี่น้อง^^

///////////////////////////////////////////////////

อาบน้ำละหมาด




จากอุสมาน บิน อัฟฟาน เราะฎิยัลลอฮุ อันฮุ ได้กล่าวว่า ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะสัลลัมได้กล่าวว่า
«مَنْ تَوَضَّأَ فَأَحْسَنَ الوُضُوءَ خَرَجَتْ خَطَايَاهُ مِنْ جَسَدِهِ حَتَّى تَـخْرُجَ مِنْ تَـحْتِ أَظْفَارِهِ»

ความว่า :ผู้ใดที่อาบน้ำละหมาด ด้วยลักษณะที่ดีที่สุด มวลบาปของเขาจะหลุดออกจากตัวเขา จนแม้กระทั่งบาปที่อยู่ใต้เล็บของเขา” (บันทึกโดยมุสลิม หะดีษที่ 245)


เรื่องเล่าจากสวรรค์



แน่นอนกาลเวลาที่ยาวนานได้เกิดขึ้นแก่มนุษย์ เมื่อเขามิได้เป็นสิ่งที่ถูกกล่าวถึงเลย แท้จริงเราได้สร้างมนุษย์จากน้ำเชื้อผสมหยดหนึ่ง เพื่อเราได้ทดสอบเขา ดังนั้นเราจึงทำให้เขาเป็นผู้ได้ยิน เป็นผู้ได้เห็น แท้จริงเราได้ชี้แนะแนวทางให้แก่เขาแล้ว บางทีเขาก็เป็นผู้กตัญญู และบางทีเขาก็เป็นผู้เนรคุณแท้จริงเราได้เตรียมโซ่ตรวน และกุญแจมือ และไฟที่ลุกโชติช่วงไว้สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา แท้จริงบรรดาผู้ทรงคุณธรรมนั้น จะได้ดื่มจากแก้วน้ำ ซึ่งผสมด้วยการบูรหอม เป็นตาน้ำพุที่ปวงบ่าวของอัลลอฮฺจะได้ดื่ม พวกเขาทำให้มันพวยพุ่งออกมาอย่างล้นเหลือ พวกเขาปฏิบัติตามคำสัตย์สาบาน และกลัวต่อวันหนึ่งที่ความชั่วร้ายของมันจะกระจายไปทั่ว และพวกเขาให้อาหารเนื่องด้วยความรักต่อพระองค์แก่คนยากจน เด็กกำพร้าและเชลยศึก (พวกเขากล่าวว่า) แท้จริงเราให้อาหารแก่พวกท่าน โดยหวังความโปรดปรานของอัลลอฮฺ เรามิได้หวังการตอบแทนและการขอบคุณจากพวกท่านแต่ประการใด แท้จริงเรากลัวต่อพระเจ้าของเราซึ่งเป็นวันแห่งหน้านิ่วคิ้วขมวดและแสนสาหัส ดังนั้น อัลลอฮฺจะทรงปกป้องพวกเขาให้พ้นจากความชั่วร้ายของวันนั้น และจะทรงให้พวกเขาพบกับความสดชื่นและความปิติ และพระองค์จะทรงตอบแทนแก่พวกเขาด้วยสวนสวรรค์ และอาภรณ์ไหมแพรเนื่องเพราะพวกเขาอดทน นอนเอกเขนก อยู่บนเก้าอี้นวมยาวในสวนสวรรค์ พวกเขาจะไม่พบเห็นแสงอาทิตย์ และความเหน็บหนาว และร่มเงาของสวนสวรรค์จะปกคลุมพวกเขาอย่างใกล้ชิด และผลไม่ในสวนสวรรค์ถูกโน้มต่ำลงมาใกล้พวกเขา และมีภาชนะที่ทำด้วยเงิน และแก้วน้ำที่ทำด้วยแก้วใสถูกวนเวียนรอบๆพวกเขา แก้วที่ทำด้วยเงินโดยพวกเขาจะเติมมันตามสัดส่วนที่พวกเขาต้องการ และในสวนสวรรค์นั้นพวกจะได้รับเครื่องดื่มจากแก้วซึ่งผสมด้วยขิง ในสวนสวรรค์มีตาน้ำพุที่มีชื่อว่า ซัลสะบีล และมีเด็กวัยรุ่นวนเวียนรอบๆ พวกเขา เมื่อเจ้าเห็นพวกเขา เจ้าคิดว่าพวกเขาเป็นไข่มุกที่เรียงราย และเมื่อเจ้ามองไปยังที่นั่นเจ้าจะพบแต่ความสุข และอาณาจักรอันกว้างใหญ่ไพศาล บนพวกเขามีอาภรณ์สีเขียวทำด้วยผ้าไหมละเอียด และผ้าไหมหยาบ และถูกประดับด้วยกำไลเงิน และพระเจ้าของพวกเขาจะทรงให้พวกเขาได้ดื่มเครื่องดื่มอันบริสุทธิ์ยิ่ง แท้จริงนี่คือ การตอบแทนแก่พวกเจ้า และการบากบั่นของพวกเจ้านั้นเป็นที่ยอมรับด้วยความยินดี แท้จริงเราได้ประทานอัลกุรอานให้แก่เจ้าเป็นขั้นตอน ดังนั้น เจ้าจงอดทนคอยข้อตัดสินของพระเจ้าของเจ้า และอย่าเชื่อฟังผู้ประพฤติชั่ว และผู้ปฏิเสธศรัทธาคนใดในหมู่พวกเขา และจงรำลึกถึงพระนามของพระเจ้าของเจ้าทั้งในยามเช้าและยามเย็น และจากส่วนหนึ่งของกลางคืนก็จงสุญดต่อพระองค์ และจงแซ่ซ้องสดุดีพระองค์ ในยามกลางคืนอันยาวนาน แท้จริง ชนเหล่านี้ (พวกปฏิเสธศรัทธา) รักชีวิตชั่วคราว และปล่อยทิ้งวันอันหนักหน่วงไว้เบื้องหลังพวกเขา
เราได้บังเกิดพวกเขา และเราได้ทำให้เรือนร่างของพวกเขามั่นคงแข็งแรง และหากเราประสงค์ เราก็จะเปลี่ยนพวกอื่นเยี่ยงพวกเขา แท้จริง นี่คือข้อตักเตือนสติ ดังนั้นผู้ใดต้องการก็ให้เขายึดแนวทางสู่พระเจ้าของเขา แต่พวกเจ้าจะไม่สมความปรารถนาได้ เว้นแต่ที่อัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ พระองค์จะทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เข้าสู่ความเมตตาของพระองค์ แต่บรรดาผู้อธรรมนั้น พระองค์ทรงเตรียมการลงโทษอันเจ็บปวดไว้สำหรับพวกเขา

จากสูเราะอัลอินซาน (Al-Insan)

อัลกุอานของฉัน



อัลลอฮ์ ตรัสไว้ว่า
{ إِنَّ هَـذَا الْقُرْآنَ يِهْدِي لِلَّتِي هِيَ أَقْوَمُ وَيُبَشِّرُ الْمُؤْمِنِينَ
الَّذِينَ يَعْمَلُونَ الصَّالِحَاتِ أَنَّ لَهُمْ أَجْرًا كَبِيرًا}
“แท้จริง อัลกุรอานนี้นำสู่ทางที่เที่ยงตรงยิ่ง และแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาที่ประกอบความดีทั้งหลายว่า สำหรับพวกเขานั้นจะได้รับการตอบแทนอันยิ่งใหญ่”
(สูเราะฮฺ อัล-อิสรออฺ :9)


การอ่านอัลกุรอานเป็นสิ่งที่อิสลามกำชับและส่งเสริมอย่างยิ่ง โดยได้กำหนดผลบุญมากมายไว้ เช่นที่ท่านเราะซูล ได้กล่าวไว้ว่า
" اقْرَؤُوْا الْقُرْآنَ فَإِنَّهُ يَأْتِى يَوْمَ الْقِيَامَةِ شَفِيْعًا لأَصْحَابِهِ "
ความว่า “พวกท่านจงอ่านอัลกุรอานเถิด เพราะในวันกิยามะฮ์มันจะคอยให้ความช่วยเหลือแก่มิตรสหาย(คือผู้ที่อ่านมัน)”
(รายงานโดยมุสลิม)

ท่านได้กล่าวอีกว่า
" مَنْ قَرَأَ حَرْفًا مِن كِتَابِ اللهِ فَلَهُ حَسَنَةٌ وَالْحَسَنَة بِعَشْرِ أَمْثَالِهَا لاَ أَقُوْلُ : آلم حَرْفٌ، وَلكِن : أَلِفُ حَرْفٌ، وَلاَمٌ حَرْفٌ، وَمِيْمٌ حَرْفٌ"
ความว่า “ผู้ใดที่อ่านอัลกุรอานหนึ่งตัวอักษรเขาจะได้รับหนึ่งความดีงาม โดยหนึ่งความดีงามนั้นจะเพิ่มทวีคูณเป็นสิบเท่า
ฉันไม่ได้บอกว่า อลิฟ ลาม มีม เป็นหนึ่งอักษร แต่อลิฟ เป็นหนึ่งอักษร ลาม เป็นหนึ่งอักษร มีม ก็เป็นอีกหนึ่งอักษร”
(รายงานโดยอัต-ติรมิซีย์ เลขที่2921)

นอกจากนี้การอ่านอัลกุรอานจะช่วยให้จิตใจสงบ ความศรัทธาในใจเพิ่มพูนดังที่อัลลอฮ์ ได้ตรัสไว้ว่า
{ وَإِذَا تُلِيَتْ عَلَيْهِمْ آيَاتُهُ زَادَتْهُمْ إِيمَانًا }
ความว่า “และ(ผู้ศรัทธานั้น)เมื่อใดบรรดาอายะฮ์ต่างๆของพระองค์ถูกอ่านแก่พวกเขาแล้ว จะทำให้ศรัทธาของพวกเขาเพิ่มพูนขึ้น”
(สูเราะฮฺ อัล-อันฟาล :2)

ท่านนะบี ได้กล่าวไว้อีกว่า
" إِنَّ اللهَ يَرْفَعُ بِهذَا الكِتَابِ أَقْوَامًا وَيَضَعُ أَقْوَامًا بِهِ آخَرِيْنَ "
ความว่า “ แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงยกระดับบางกลุ่มชนให้สูงส่งด้วยคัมภีร์ ( อัลกุรอานนี้ เนื่องจากพวกเขา ปฏิบัติตามคำสอนของมัน)
และจะทรงให้บางกลุ่มชนตกต่ำด้วยคัมภีร์ ( อัลกุรอานนี้ )เช่นกัน ( เนื่องจากพวกเขาไม่ปฏิบัติตามมัน)"
( รายงานโดย มุสลิม )

ดังนั้นแล้วสิ่งที่ต้องทำหลังจากอ่านบทความนี้ หาเวลาอ่านกรุอาน...... และอ่านอย่างจริงๆจังๆเสียที..... ไม่เช่นนั้นแล้ว การชะฟาอะห์(การช่วยเหลือ) ก็จะไม่มีในวันกิยามะฮ์ ........วันที่ไม่มีใครที่จะช่วยใครได้ นอกจากสิ่งที่ได้กระทำไว้บนโลกดุลยา....แห่งนี้

ให้สลามกันนะ่



อบู ฮุร็อยเราะฮฺ -เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮฺ- เล่าว่าท่านนบี-ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮฺ วะสัลลัม- ได้กล่าวว่า : 

« وَالَّذِى نَفْسِى بِيَدِهِ لاَ تَدْخُلُون الْجَنَّةَ حَتَّى تُؤْمِنُوا وَلاَ تُؤْمِنُوا حَتَّى تَحَابُّوا، أَلاَ أَدُلُّكُمْ عَلَى شَىْءٍ إِذَا فَعَلْتُمُوهُ تَحَابَبْتُمْ؟ أَفْشُوا السَّلاَمَ بَيْنَكُمْ » مسلم برقم 54]

ความว่า : “ขอสาบานกับพระผู้ซึ่งชีวิตของฉันอยู่พระหัตถ์ของพระองค์ว่า พวกท่านย่อมไม่ได้เข้าสรวงสวรรค์จนกว่าจะศรัทธา และพวกท่านย่อมไม่บรรลุถึงแก่นศรัทธาจนกว่าจะรักกัน เอาไหมล่ะ ฉันจะบอกสิ่งหนึ่งซึ่งหากพวกท่านปฏิบัติ พวกท่านจะมีความรักต่อกัน? นั่นคือ จงแพร่กระจายการให้สลามในหมู่พวกท่าน” 

(เศาะฮีหฺมุสลิม เล่มที่ 1 หน้า 74 หมายเลข 54 )

เพลงเสียงซัยฏอน




หลักฐานที่1. พระองค์อัลลอฮฺทรงตรัสไว้ว่า “ และในหมู่มนุษย์นั้นมีผู้ซื้อคำพูดที่ไร้สาระเพื่อทำให้ผู้คนหลงไปจากทางของอัลลอฮฺ และถือเอาเป็นเรื่องขับขัน สำหรับพวกเหล่านี้คือการลงโทษอันอัปยศยิ่ง “
(สูเราะฮฺที่31 : 6)
หลักฐานที่ 2. ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ จะมีกลุ่มหนึ่งจากประชาชาติของฉันโดยพวกเขาจะทำให้เรื่องการทำซินา, ผ้าไหม, สุรา และอัลมะอฺาซิฟกลายเป็นสิ่งหะลาล (สิ่งซึ่งศาสนาอนุมัติให้กระทำ) “บันทึกโดยบุคอรีย์
หมายเหตุ คำว่า “ อัลมะอฺาซิฟ “ ในภาษาอฺรับหมายถึง
1. เครื่องดนตรี
2. เสียงของเครื่องดนตรี (หรือเสียงเพลงนั่นเอง)
3. การร้องเพลงประกอบเครื่องดนตรี

หลักฐานที่ 3. ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า “ แท้จริงอัลลอฮฺทรงห้ามประชาชาติของฉันในเรื่องสุรา, การพนัน, มิซร์ (เครื่องดื่มที่หมักจากข้าวโพด), กูบะฮฺ (กลอง), และกินนีน (กีต้าร์อฺรับชนิดหนึ่ง) โดยพระองค์ยังเพิ่มการนมาซวิตร์ให้แก่ฉันอีก “ (บันทึกโดยอะหฺมัด เชคอัลบานีย์ ถือว่าหะดีษข้างต้นเศาะหี้หฺ)

วิธีเปลี่ยน
เครื่องเล่น mp 3ที่มีกันเกือบทุกคนนั้น ลองเอาไฟล์บรรยายศาสนา มาใส่ฟังแทนค่ะ
ฟังไปสักระยะ ก็จะซึมเข้าสู่หัวใจเราเอง
เป็นการกระตุ้นอีหม่านและศรัทธาให้กลับมาแทน
ฟังกุรอาน mp 3ก็มี จากหลายๆอิหม่ามด้วยกัน เลือกเอาตามสะดวก
ในรถ ที่บ้าน จะเอากุรอานใส่ไว้ในเครื่องเล่นหรือเอาซีดีบรรยายศาสนามาใส่ได้ หากช่วงเวลานั้นไม่มีรายการวิทยุภาคมุสลิม

กระตุ้นศรัทธาคืนมา
บางครั้งถึงกับต้องหลั่งน้ำตาเพราะรู้สึกว่าที่ผ่านมานั้น
เราทำผิดไว้มากมายหากไม่มีเสียงเหล่านี้ตักเตือนเราอาจจะหลงทางไปเรื่อยๆ
เราต้องอยู่ในสังคมนี้ ยึดหลักให้มั่นแล้วเราจะไม่เป็นผู้หลงทางค่ะ
ส่วนใครที่ ไม่มีเพื่อนมุสลิม ตั้งแต่เรียนจนทำงาน
แต่เราต้องอยู่ให้ได้
ให้ขอดุอาให้มีเพื่อนพี่น้องมุสลิมที่ศรัทธามาเป็นเพื่อนเรา และเราก็ต้องพยายามเสาะหาเพื่อนมุสลิมด้วย
พยายามมีกลุ่ม(ญะมาอะฮฺ) เพื่อจะได้อยู่ได้ด้วยใจแข็งแรงขึ้น เพราะพี่น้องมุสลิมจะช่วยตักเตือนเรา ช่วยฉุดรั้งเรา หากเราจะออกจากหนทาง
*และผู้ใดที่เชื่อฟังอัลลอฮ์ และร่อซู้ลแล้วชนเหล่านี้จะอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ที่อัลลอฮ์ทรงกรุณาเมตตาแก่พวกเขา อันได้แก่บรรดานบี บรรดาผู้ที่เชื่อโดยดุษฏี บรรดาผู้ที่เสียชีวิตในสงคราม และบรรดาผู้ที่ประพฤติดี และชนเหล่านี้แหละเป็นเพื่อนที่ดี[กุรอาน อันนิสาอฺ 4:69]

และเราต้องได้รับการทดสอบจากพระเจ้าเสมอ แม้คุณจะกล่าวว่าศรัทธาในพระเจ้าแล้วก็ตาม 

การตอบรับดุอาอ์



เมื่อการขอดุอาอ์เป็นไปด้วยเงื่อนไขต่างๆ ของมันอย่างครบถ้วน เมื่อนั้นอัลลอฮฺก็จะทรงกำหนดให้เกิดผลอย่างหนึ่งอย่างใดในประการต่างๆ เหล่านี้ คือ 1) พระองค์จะทรงตอบรับดุอาอ์นั้นทันที หรือ 2) พระองค์จะทรงไม่ตอบรับทันที แต่จะทรงให้มันล่าช้า เพื่อให้บ่าวของพระองค์ได้วอนขอต่อพระองค์ให้มากขึ้นด้วยการร้องไห้และนอบน้อม หรือ 3) จะทรงประทานสิ่งอื่นให้ที่เป็นประโยชน์ต่อเขามากกว่าสิ่งที่เขาขอ หรือ 4) จะทรงขจัดภัยอย่างอื่นให้เขาแทนสิ่งที่เขาขอ หรือ 5) จะทรงเก็บไว้เพื่อประทานให้เขาในวันกิยามะฮฺ อัลลอฮฺเท่านั้นที่ทรงรู้ดีว่าอันไหนเป็นประโยชน์ต่อบ่าวของพระองค์มากที่สุด ดังนั้น เราจึงไม่ควรรีบร้อนต้องการเห็นผลของดุอาอ์ทันทีทันใด อัลลอฮฺตรัสว่า
ความว่า "แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงบรรลุในกิจการของพระองค์ โดยแน่นอนสำหรับทุกสิ่งอย่างนั้นอัลลอฮฺทรงกำหนดกฎสภาวะไว้แล้ว" (อัฏ-เฏาะลาก 3)
ความว่า "และเมื่อบ่าวของข้าถามเจ้าถึงข้าแล้วละก็ (จงตอบเถิดว่า)แท้จริงและข้าอยู่ใกล้ ข้าจะตอบรับคำวิงวอนของผู้ที่วิงวอนเมื่อเขาวิงวอนต่อข้า ดังนั้น พวกเขาจงตอบรับข้าเถิดและจงศรัทธาต่อข้า เพื่อว่าพวกเขาจะได้อยู่ในทางที่ถูกต้อง" (อัล-บะเกาะเราะฮฺ 186)

ดูเพิ่มเติมhttp://www.krualee.com/index.php?option=com_content&view=article&id=127%3Adua&catid=51%3Aislam-online

ท่านหญิงอาอิชะฮ์ ภรรยาที่รักยิ่งของท่านนบีมุฮัมมัด ซล.




ท่านอัมร อิบนุอาศ ได้กล่าวว่า “แท้จริงฉันได้ถามท่านรอซูลว่า “ผู้ใดในมวลมนุษย์ที่เป็นที่รักยิ่งแก่ท่านมากที่สุด”
ท่านรอซูล กล่าวว่า “อาอิชะฮฺ”
ท่านอัมร จึงถามต่อไปอีกว่า “และจากบรรดาผู้ชายเล่า ใครเป็นที่รักยิ่งแก่ท่าน”
ท่านรอซูล ตอบว่า “บิดาของนาง”
(รายงานโดยบุคอรีมุสลิม และติรมีซีย์)
ท่านหญิงอาอิชะฮฺเป็นภรรยาที่ท่านนบี ซล. รักมากที่สุดในบรรดาภรรยาทั้งหมด เนื่องจากนางมีคุณลักษณะสำคัญที่มีความประเสริฐเหนือกว่าบรรดาภรรยาทั้งหลาย

ความประเสริฐ 10 ประการ ที่นางได้รับเหนือกว่าบรรดาภรรยาท่านอื่นๆของท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ได้แก่
1) อัลลอฮฺได้ให้มลาอิกะฮฺญิบรีล นำภาพของท่านหญิงอาอิชะฮ์จากฟากฟ้าซึ่งบรรจุในห่อผ้าไหมมาให้ท่านนบีมูฮำหมัด ซล.แล้วกล่าวแก่ท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ว่า จงแต่งงานกับเธอ แท้จริงเธอคือภรรยาของท่าน
2) ท่านหญิงอาอิชะฮ์เป็นภรรยาคนเดียวที่แต่งงานกับท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ในขณะที่นางเป็นสาวบริสุทธิ์
3) อัลลอฮฺได้ประทานวะฮีย์ (กุรอาน) ลงมาให้แก่ท่านนบีในขณะที่ท่านอยู่กับนางซึ่งไม่มีการประทานอายะห์อัลกุรอานให้แก่ท่าน ในขณะที่ท่านอยู่กับภรรยาท่านอื่นๆ นอกจากท่านหญิงอาอิชะฮ์
4) อัลลอฮฺ ได้ทรงประทานอัลกุรอานแก่ท่านนบีมูฮำหมัด ซล. เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของนาง
5) นางเป็นภรรยาคนเดียวที่ได้อาบนํ้าในภาชนะเดียวกันกับท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ซึ่งท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ไม่ได้ทำเช่นนี้กับภริยาท่านอื่น
6) ท่านนบีมูฮำหมัด ซล.เสียชีวิตในขณะที่นอนอยู่บนตักของท่านหญิงอาอิชะฮ์ และในคืนที่เป็นสิทธิ์ของนา
7) ศพของท่านนบีมูฮำหมัด ซล. ถูกฝังไว้ในบ้านของอาอิชะฮ์ (บันทึกโดยอะหมัด)
8) ท่านหญิงอาอิชะฮ์เป็นภรรยาคนเดียวของท่านนบีมูฮำหมัด ซล. ที่มีทั้งพ่อและแม่เป็นผู้อพยพ (จากมักกะฮฺไปมะดีนะห์)
9) ท่านหญิงอาอิชะฮ์เป็นบุตรีของชายคนแรก (ท่านอบูบักร) ที่เข้ารับนับถือศาสนาอิสลา
10) ท่านหญิงอาอิชะฮ์เป็นผู้ที่ท่านนบีมูฮำหมัด ซล.รักมาก และท่านนบีมูฮำหมัด ซล. ก็ได้ยืนยันว่านางเป็นภริยาของท่านทั้งโลกนี้และโลกหน้า (บันทึกโดยติรมีซีย์)

นอกจากคุณลักษณะพิเศษ 10 ประการดังกล่าวข้างต้นแล้ว ในฐานะศรีภรรยาของท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ผู้ที่มีความใกล้ชิดกับท่านนบีมูฮำหมัด ซล.มากกว่าภรรยาท่านอื่นๆ อีกทั้งยังเป็นผู้ที่ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมในการสร้างความสุขให้กับชีวิตของท่านนบีมูฮำหมัด ซล. อาทิเช่น รักและเคารพเชื่อฟังท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ด้วยความเต็มใจและบริสุทธิ์ใจ ปลอบประโลมและให้กำลังใจแก่ท่านนบีมูฮำหมัด ซล.การช่วยงานท่านนบีมูฮำหมัด ซล. การเป็นที่ปรึกษาท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ตลอดจนคอยปรนนิบัติรับใช้ท่านนบีมูฮำหมัด ซล.อย่างใกล้ชิดทุกขณะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามสงคราม นางจะทำหน้าที่ในการปรุงอาหาร บริการนํ้าดื่ม และเยียวยาให้แก่ท่านนบีมูฮำหมัด ซล. ส่วนในภาวะที่บ้านเมืองสงบสุข นางจะเป็นภริยาที่คอยเอาอกเอาใจ และให้กำลังใจแก่ท่านนบี อยู่ตลอดเวลา นางเป็นผู้ที่มีอารมณ์ดี จิตใจร่าเริง

ดังที่ท่านหญิงอาอิชะฮฺ ได้เล่าให้ฟังว่า ท่านนบีมูฮำหมัด ซล. ได้วิ่งแข่งกับนางและนางได้วิ่งชนะท่านนบีมูฮำหมัด ซล. จนเมื่อนางอ้วนขึ้น ท่านก็วิ่งชนะนาง และกล่าวแก่นางว่า
“นี่อาอิชะฮฺ ชนะครั้งนี้แทนที่แพ้ครั้งก่อนไงล่ะ”
(อะหฺมัด, อบู ดาวูด, อัน-นะซาอีย์, อิบนุ มาญะฮฺ ดู อัซซะฮะบีย์ 2:174)

ท่านนบีมูฮำหมัด ซล. เคยนอนหนุนตักท่านหญิงอาอิชะฮ์ ในขณะที่นางมีรอบเดือน และได้อ่านอัลกุรอานให้นางฟัง ท่านนบีมูฮำหมัด ซล. เคยจูบท่านหญิงอาอิชะฮ์ในขณะที่นางถือศีลอด และยังให้หวีผมให้ เมื่อตอนที่ท่านนบีมูฮำหมัด ซล. เอื๊ยะติกาฟในมัสยิด โดยยื่นศีรษะให้นางซึ่งอยู่นอกมัสยิด
(บุคอรีย์และมุสลิม)

ท่านหญิงอาอิชะฮ์เคยอาบนํ้าญะนาบะฮฺร่วมกับท่านนบีมูฮำหมัด ซล. จากถังใบเดียวกัน ท่านนบีมูฮำหมัด ซล. ได้รีบอาบนํ้าแข่งกับนาง จนนางกล่าวว่า "ปล่อยบ้าง ปล่อยให้ฉันอาบบ้าง"
(มุสลิม)

และครั้งหนึ่ง ท่านหญิงอาอิชะฮ์ ได้เล่าว่า “ท่านรอซูลุลลอฮฺได้บอกฉันว่า ฉันรู้ว่าเมื่อใดเธอพอใจฉันหรือว่าเธอโกรธฉัน"

นางได้กล่าวว่า “ท่านรู้ได้อย่างไร”
ท่านนบีได้กล่าวว่า “เพราะเมื่อเธอพอใจฉัน เธอก็กล่าวว่า ไม่เลยขอสาบานด้วยพระเจ้าของมุฮัมหมัด”
และเมื่อเธอไม่พอใจฉัน เธอจะกล่าวว่า “ไม่เลยขอสาบานด้วยพระเจ้าของอิบรอฮีม”

และด้วยบุคลิกของอาอิชะฮ์ ที่ไม่เหมือนใคร เพราะนางเป็นผู้ที่สุภาพอ่อนโยน มีความจงรักภักดีและเกรงกลัวต่อเอกองค์อัลลอฮฺด้วยการละหมาด การอ่านกุรอานเป็นประจำ แปรงฟันก่อนนอน และละหมาดสุนัตในตอนกลางคืนมาก รวมทั้งการขอดุอาร์ด้วยความถ่อมตน และจะถือศีลอดเป็นประจำแม้ว่าจะอยู่ในช่วงฤดูร้อนที่ต้องทนทุกข์กับความกระหาย และเผชิญกับความเหน็ดเหนื่อยก็ตาม

ครั้งหนึ่ง ขณะที่ท่านหญิงอาอิชะฮ์ถือศีลอดในวันอะเราะฟะห์ท่ามกลางอากาศร้อนระอุ อับดุรเราะห์มาน พี่ชายของนางได้ไปเห็นนางกำลังเอานํ้าพรมตัวอยู่
เขาจึงขอร้องนางด้วยความเป็นห่วงว่า “ละศีลอดเสียเถอะ”
แต่ท่านหญิงอาอิชะฮ์ตอบว่า “จะให้ฉันละศีลอดได้อย่างไร ในเมื่อฉันได้ยินท่านรอซูลกล่าวว่า การถือศีอดในวันอาเราะฟะห์จะช่วยลบล้างการกระทำที่ไม่ดีก่อนหน้านี้เป็นเวลาหลายปี ”

นอกจากนี้ท่านหญิงอาอิชะฮ์ยังเป็นผู้ที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ให้ความสำคัญและสร้างสัมพันธ์กับเครือญาติทั้งฝ่ ายของท่านนบีมูฮำหมัด ซล. และฝ่ายภรรยาของท่านบีมูฮำหมัด ซล. ทุกคน ไม่มีความอิจฉาริษยาหรือบาดหมางต่อใคร นางได้ให้ความเคารพยกย่องบรรดาภริยาท่านอื่นๆด้วยความบริสุทธิ์ใจและจริงใจ นางไม่ชอบการนินทาลับหลังและไม่ชอบการยกย่องตนเอง

ท่านหญิงอาอิชะฮ์เป็นผู้ที่มีความอดทนสูง พร้อมที่จะรับความทุกข์ของผู้อื่นเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องของการมีจิตใจที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้ยากไร้ การเสียสละ และบริจาคทรัพย์สินทุกอย่างจนลืมเก็บไว้เพื่อตัวท่านเอง นางเป็นคนมีเมตตาสงสารทาส บางครั้งนางจะซื้อทาสเพื่อปล่อยให้เป็นอิสระ ซึ่งทาสที่นางปล่อยให้เป็นอิสระนั้น มีจำนวนถึง 67 คนด้วยกัน

ท่านหญิงอาอิชะฮ์เป็นผู้ที่มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ โดยเป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับชีวิตในโลกดุนยานี้น้อยมาก และชอบที่จะใช้ชีวิตอยู่กับท่านนบี มูฮำหมัด ซล.ทั้งในยามทุกข์และสุข ซึ่งท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้ให้ความเคารพและปรนนิบัติต่อท่านนบีมูฮำหมัด ซล. ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และปฏิบัติตามคำสั่งเสียของท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ทุกอย่าง
ตัวอย่างเช่น ในเรื่องของการแต่งกาย ตั้งแต่มีอายะห์กุรอานลงมาให้แก่ท่านนบีมูฮำหมัด ซล. เพื่อให้ท่านกำชับใช้บรรดาภริยาและลูกสาวให้แต่งกายปกปิดเอาเราะห์ ตามกุรอานซูเราะห์อัลอะฮฺซาบ (กุรอาน 33: 59) ท่านหญิงอาอิชะฮ์จะปฏิบัติตามอย่างเข้มแข็ง
และท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ได้สั่งเสียกับท่านหญิงอาอิชะฮ์ไว้ว่า
“ถ้าเธอต้องการที่จะพบกับฉันอีกในวันอาคิเราะฮฺ เธอจงอยู่บนโลกนี้เสมือนเป็นผู้เดินทาง เธออย่าคลุกคลีกับคนร่ำรวย
และจงอย่าเปลี่ยนเสื้อผ้าจนกว่ามันจะขาดและเย็บปะใหม่ให้มันดีขึ้น”
(บันทึกโดยติรมีซีย์)

ท่านหญิงอาอิชะฮฺรักท่านนบีมูฮำหมัด ซล. ผู้เป็นสามีของนางมาก และเป็นความรักที่มิอาจประเมินค่าได้ ถึงแม้ว่านางจะเป็นภรรยาคนโปรดของท่านนบีมูฮำหมัด ซล. และมีหญิงรับใช้อยู่แล้ว แต่นางก็ทำงาน และปรนนิบัติท่านนบีด้วยตัวเอง มากกว่าที่จะใช้หญิงรับใช้
อาทิเช่น การโม่แป้งนวดแป้ง การซักผ้า การจัดที่นอนให้แก่ท่าน การจัดเตรียมแปรงสีฟันและเหยือกนํ้าไว้ข้างๆเตียง นางจะใส่นํ้าหอมให้ตามที่ท่านชอบ บางครั้งท่านนบีมูฮำหมัด ซล. จะนอนหลับบนตักของนาง โดยที่ท่านหญิงอาอิชะฮ์จะนั่งอย่างสงบ เพื่อมิให้เป็นการรบกวนการนอนของท่านนบี
และบ่อยครั้งเมื่อนางตื่นขึ้นมาตอนกลางคืนแล้วพบว่าท่านนบีมูฮำหมัด ซล. ไม่อยู่ในห้อง นางจะรู้สึกเป็นห่วงอย่างมากและจะออกเดินหาท่านนบีมูฮำหมัด ซล. ไปทั่ว เมื่อพบว่าท่านนบีมูฮำหมัด ซล.กำลังนมาซอยู่ นางจึงได้สบายใจ

ด้วยคุณธรรมความดีงาม ลักษณะที่ดีเลิศ และความประเสริฐของท่านหญิงอาอิชะฮ์ จึงทำให้ท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ให้ความนับถือและให้ความรักแก่นางเป็นอย่างมาก และมากกว่าภริยาท่านอื่นๆ ความรักของท่านนบีที่มีต่อนางนั้น จะเห็นได้จากคำวิงวอนของท่านต่ออัลลอฮฺ ซึ่งท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ได้กล่าวว่า
“ข้าแต่พระผู้อภิบาล ข้าพระองค์รักษาความเสมอภาคและความยุติธรรมต่อภรรยาของข้าพระองค์มาโดยตลอดซึ่งข้าพระองค์ทำได้และมีอำนาจ
แต่ข้าพระองค์จะต้องขออภัยสำหรับสิ่งที่ข้าพระองค์ไม่สามารถควบคุมได้ นั่นคือ ความรักในตัวของข้าพระองค์ที่มีต่ออาอิชะฮฺ”
(อบูดาวูด)

และแม้ในตอนที่ท่านนบีมูฮำหมัด ซล.เสียชีวิต ท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ก็ได้อยู่กับท่านหญิงอาอิชะฮฺภรรยาผู้เป็นที่รักยิ่ง บรรดาภริยาท่านอื่นๆ รู้ว่าท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ต้องการที่จะอยู่กับท่านหญิงอาอิชะฮฺ และทุกคนก็ยินยอมให้ไปอยู่กับท่านหญิงอาอิชะฮ์
เมื่อท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ใกล้จะเสียชีวิตนั้น อับดุรเราะฮฺมาน อิบนุ อบูบักรฺ ได้เข้ามาหาท่านนบีมูฮำหมัด ซล.พร้อมไม้สีฟันที่ยังสดอยู่ ท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ได้มองดูมัน จนท่านหญิงอาอิชะฮฺสังเกตเห็นและเข้าใจว่าท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ต้องการมัน ท่านหญิงอาอิชะฮ์เล่าว่า
“ฉันจึงเอาไม้สีฟันนั้นมากัดให้นุ่มและส่งให้ท่าน ท่านนบีมูฮำหมัด ซล.ได้ใช้ไม้นั้นสีฟันและส่งมันคืนแก่ฉัน แต่มือของท่านตกลงไปด้วยไม่มีแรง ฉันได้ขอดุอาร์ให้ท่านด้วยดุอาร์ที่ญิบรีลได้ขอให้ท่านทุกครั้ง เป็นดุอาร์ที่ท่านนบีมูฮำหมัด ซล. ขอให้ตัวเองเมื่อท่านป่วย แต่ครั้งนี้ท่านไม่ได้อ่านมัน
จากนั้นท่านได้มองไปยังเบื้องบนและกล่าวว่า "สู่การเป็นสหายกับผู้สูงส่งยิ่ง" แล้วลมหายใจของท่านก็หมดลง ขอสรรเสริญอัลลอฮฺที่ได้รวมนํ้าลายของฉันกับของท่านในห้วงสุดท้ายแห่งชีวิตของท่านรอซูลในโลกดุนยา”
(อะหฺมัด, อัลฮากิม ดู อัซซะฮะบีย์ 2:189)

และทั้งหมดที่กล่าวมานี้ คือ การทำหน้าที่ในฐานะภรรยาผู้เป็นที่รักยิ่งของท่านศาสดาอย่างดีเยี่ยม
และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่บรรดาศรัทธาชนทั้งหลายที่ควรน้อมนำไปปฏิบัติตาม

ความมหัศจรรย์ของน้ำผึ้ง




พระเจ้าของเจ้าทรงดลใจ (วะฮียฺ) แก่ผึ้งว่า จงทำรังตามภูเขาและตามต้นไม้ และตามที่พวกเขาทำร้านขึ้น แล้วเจ้า (ผึ้ง) จงกินจากผลไม้ทั้งหลาย (จากเกสรและผลไม้) แล้วจงดำเนินตามทางของพระเจ้าของเจ้าโดยสะดวกสบาย มีเครื่องดื่ม (น้ำผึ้ง) ที่มีสีสันต่างๆ ออกมาจากท้องของมัน ในนั้นมีสิ่งบำบัดโรคแก่ปวงมนุษย์ (อัลลอฮฺทรงให้น้ำผึ้งมีคุณสมบัติในการบำบัดโรคได้) แท้จริงในการนั้น แน่นอนย่อมเป็นสัญญาณแก่กลุ่มชนผู้ตรึกตรอง ซูเราะฮฺ อันนะหฺลฺ 68-69

จากการที่น้ำผึ้งเป็น “สิ่งบำบัดโรคแก่ปวงมนุษย์”ดังที่กล่าวไว้ในอายะฮฺดังกล่าว ปัจจุบันการเลี้ยงผึ้งและผลิตภัณฑ์ที่ได้จากผึ้งจึงนำไปสู่การศึกษาวิจัยแขนงใหม่ ที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าทางด้านวิทยาศาสตร์ของโล
ประโยชน์ด้านอื่นๆ ของน้ำผึ้งที่พอจะกล่าวได้
เป็นสารอาหารที่ย่อยง่าย / กระจายเร็วในกระแสเลือด / มีสารต้านเชื้อแบคทีเรีย และป้องกันการอักเสบ / ช่วยในการสร้างเลือด/ มีสารต้านอนุมูลอิสระ / เป็นแหล่งรวมวิตามินและแร่ธาตุ / ใช้ในการรักษาบาดแผล / ช่วยกระตุ้นให้มีการเจริญเติบโต ของเนื้อเยื่อขึ้นแทนที่

จากข้อมูลนี้เอง เห็นได้ชัดว่า “น้ำผึ้งนั้นมีคุณภาพมหาศาลในด้านการรักษา” และไม่ต้องสงสัยเลยว่าสิ่งนี้เป็นหนึ่งในบรรดาความมหัศจรรย์ทั้งหลายในอัลกุรอานของพระองค์อัลลอฮฺ ผู้ทรงพลานุภาพได้ทรงบอกเอาไว้...

ศึกษาเพิ่มเติ่ม http://www.islammore.com/main/content.php?page=sub&catego

คนแปลกหน้าทั้งหลาย




بَدَأَ الإِسْلامُ غَرِيبًا وَسَيَعُودُ كَمَا بَدَأَ غَرِيبًا فَطُوبَى لِلْغُرَبَاءِ 
“อิสลามเริ่มอย่างแปลกหน้า และมันจะกลับมา ดั่งที่มันเคยเริ่มมาอย่างแปลกหน้า 
ดังนั้น ความดีที่ไม่สิ้นสุด(หรือสวรรค์)เป็นของเหล่าคนแปลกหน้าทั้งหลาย(ฆุรอบาอ์)” (มุสลิม)

كُنْ فِي الدُّنْيَا كَأَنَّكَ غَرِيبٌ أَوْ عَابِرُ سَبِيلٍ
ความว่า "จงใช้ชีวิตในดุนยา เสมือนหนึ่งท่านเป็นคนแปลกหน้า หรือผู้เดินผ่านทาง" อัล-บุคอรีย์ 6416

وَعُدَّ نَفْسَكَ مِنْ أَهْلِ الْقُبُورِ
ความว่า "จงนับตัวเองว่าเป็นคนตายที่อยู่ในสุสานแล้ว" (อิบนุ มาญะฮฺ 4104 )

وَاعْدُدْ نَفْسَكَ فِي الْمَوْتَى
ความว่า "จงนับตัวเองให้อยู่รวมกับคนที่ตายแล้ว" (อะหมัด 4534)

وأنتم يومئذ كثير ، ولكنكم غثاء كغثاء السيل
"ในวันนั้นพวกท่านมีจำนวนมาก แต่ทว่าพวกท่านคือฟองน้ำ เสมือนกับฟองน้ำของน้ำไหล" [อบูดาวูด,4297]

لا تقوم الساعة حتى لا يقال في الأرض الله الله
ความว่า "วันกิยามะฮฺจะไม่เกิดขึ้น กระทั่งว่าบนผืนแผ่นดินไม่มีการพูดคำว่า อัลลอฮฺ อัลลอฮฺ" (มุสลิม 148)
อีกหะดีษจากอาอิชะฮฺ เล่าจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะสัลลัม

لا يذهب الليل والنهار حتى تعبد اللات والعزى . فقلت : يا رسول الله ! إن كنت لأظن حين أنزل الله : { هو الذي أرسل رسوله بالهدى ودين الحق ليظهره على الدين كله ولو كره المشركون } [ 9 / التوبة / 33 ] و [ 61 / الصف / 9 ] أن ذلك تاما قال : إنه سيكون من ذلك ما شاء الله . ثم يبعث الله ريحا طيبة . فتوفى كل من في قلبه مثقال حبة خردل من إيمان . فيبقى من لا خير فيه . فيرجعون إلى دين آبائهم
ความว่า "คืนและวันจะไม่สิ้นสุดจนกระทั่งมีการเคารพ ลาต และ อุซซา (เจว็ดสองรูปที่พวกมุชริกีนญาฮิลียะฮฺเคยกราบไหว้) ขึ้นอีกครั้ง ..อาอิชะฮฺถามว่า โอ้ รอซูลุลลอฮฺ ฉันเคยคิดว่าโองการของอัลลอฮฺที่ว่า

{ هو الذي أرسل رسوله بالهدى ودين الحق ليظهره على الدين كله ولو كره المشركون }
"พระองค์คือผู้ทรงแต่งตั้งรอซูลด้วยทางนำและศาสนาแห่งสัจธรรม เพื่อให้มันโดดเด่นเหนือศาสนาอื่นทั้งมวล แม้ว่าพวกผู้ตั้งภาคีจะชิงชังก็ตาม" (อัต-เตาบะฮฺ 33)

ฉันเคยคิดว่ามันสมบูรณ์แล้วซะอีก ..
ท่านนบี ตอบว่า "สิ่งนั้นจะเกิดขึ้นตามประสงค์ของอัลลอฮฺ แล้วพระองค์อัลลอฮฺก็จะทรงส่งลมที่ดีมา แล้วทุกคนที่มีอีมานแม้เพียงแค่เท่าผงธุลีก็จะเสียชีวิตหมด จะเหลือแต่คนที่ไม่มีความดีใดๆ บนตัวเขาอยู่เลย แล้วพวกเขาก็จะหันกลับไปยังศาสนาของบรรพบุรุษของพวกเขาอีกครั้ง" (มุสลิม 2907)

อย่าได้กลมกลืนไปกับดุลยา มิฉะนั้นคุณก็ไม่ได้เป็นคนแปลกอะไรกับคนทั่วๆไป
....................................................

ถ้อยคำ...ที่หายไป




อามีนะห์ มุสลีมะห์วัยรุ่นกับการก้าวย่างสู้รั้วมหาลัยของเธอ อามีนะห์มีความคาดหวัง เธอคาดฝัน กับชีวิตในสถาบันอุดมศึกษา เธอคิดว่ามันคงน่าตื่นเต้น เธอคิดว่ามันคงจะหนักหนาและเธอคิดว่าเธอคงจะต้องพบกับบททดสอบมากมาย
อามีนะห์รู้ว่า การเข้ามาศึกษาในรั้วมหาลัยของเธอนั้น มิได้มีเจตนาเพื่ออื่นใดแต่เป็นไปเพื่ออัลลอฮ แต่เมื่อเธอก้าวเข้ามาสู้รั้วที่กว้างใหญ่นี้ เธอพบกับสังคมที่น่าหวาดหวั่น หลายครั้งหลายครา มันทำให้เธอเกือบเผลอไผล หลายครั้งหลายคราเธอรู้สึกว่าไม่รู้จะยืนให้ตรงในสังคมนี้อย่างไร ละเธอก็อดกลัวใจตนเองไม่ได้ว่าจะเผลอไผลและถูกกลืนไปกับมัน
“พี่น้องทั้งหลาย สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดที่จะเกินขึ้นกับพวกท่าน คือการฝักใฝ่ในดุนยาและการคล้อยตามอารมณ์ ทำให้ท่านออกห่างจากความสัจจริง” จากถ้อยคำของท่านอุมัร บิน ค็อฏฏอบ (รฏ)
อามีนะห์รู้ว่าสิ่งที่เธอต้องการที่สุดคือการอยู่อย่างเป็นญามาอะห์ เธอเข้าชมรมเธอพร้อมที่จะรับการตักเตือนจากพี่น้องในชมรม เธอรู้ว่าเธอไม่ใช่มุสลีมะห์ที่สมบูรณ์ แต่เธอก็พร้อมเสมอกับการขัดเกลาและตักเตือน เพราะเธอตระหนักเสมอว่า...
“หมู่ชนใดปราศจากผู้ตักเตือน ย่อมไม่มีความดีใดๆในหมู่พวกเขา และหมู่ชนใดไม่ชอบผู้ตักเตือน ก็ย่อมไม่มีความดีใดๆในหมู่พวกเขาเช่นกัน” จากถ้อยคำของท่านอุมัร บิน ค็อฏฏอบ (รฏ.)
และเมื่ออามีนะห์เข้ามาทำงานในชมรม เธอได้รับอามานะห์ในการช่วยงานต่างๆของชมรม พร้อมๆกับต้องสอบ ไหนจากเรื่องงานของที่บ้านอีก ทุกอย่างชนกันไปหมด เธอรู้สึกเครียดและเหนื่อยเหลือเกิน เธอเกือบที่จะท้อ และเธอเกือบที่จะลือไปว่า..
“มุสลิมจะได้รับรางวัลตอบแทนในทุกเรื่อง แม้แต่บททดสอบที่เขาประสบ แม้ในรองเท้าที่ขาดหรือแม้แต่สิ่งของที่อยู่ในมือแล้วหายไป ถึงแม้ในที่สุด เขาจะพบว่ามันอยู่ในกระเป๋าของเขาเองก็ตาม” จากถ้อยคำของท่านอาลี บิน อบีฏอลิบ (รฏ.)
ชีวิตในรั้วมหาลัยวิทยาลัยของอามีนะห์ผ่านไปวันแล้ววันเล่า แม้เธอจะได้พบกับช่วงเวลาที่แน่นเอี้ยดของชีวิต จนเธอรู้สึกเหมือนกับว่าเธอหายใจไม่ทัน หน้าของเธอปริ่มอยู่ระหว่างน้ำกับอากาศ แต่อามีนะห์ก็พยายามเหลือเกินที่จะประกอบอิบาดะห์ให้ได้มากที่สุด แม้ศรีษะของเธอจะปริ่มระหว่างน้ำกับอากาศจนแทบจะไม่มีลมหายใจ แต่เธอไม่เคยลืมว่าลมหายใจที่เธอใช้อยู่นั้นเป็นของใครละมันพร้อมที่จะกลับคืนสู่ผู้ให้ได้ทุกเวลา
“ฉันไม่เคยเสียใจกับอะไรมากไปกว่าในแต่ละวันดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป กำหนดอะญั้ลของฉันกำลังลดลง แต่การงานของฉันกลับไม่ได้เพิ่มขึ้น” จากถ้ยคำของท่านอับดุลลอฮ อิบนิมัสอู๊ด (รฏ.)
อามีนะห์ยอมรับว่าการใช้ชีวิตในรั้วมหาลัยมันหนักกับเธอไม่ใช่เล่น ในบางครั้งเธอเหนื่อย เธอท้อ หรือมีปัญหา สิ่งเดียวที่ทำให้เธอยืนหยัดอยู่ได้คือ อิสลาม คนส่วนมากหากำลังใจจากอะไรกัน บางคนหากำลังใจจากบทเพลง บางคนหากำลังใจจากคนรอบข้าง หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ส่วนหนึ่งในกำลังใจของอามีนะห์คือถ้อยคำดีๆจากบรรดาบรรพชนของอัลลอฮ นั่นเองที่ได้เตือนสติเธอพร้อมๆกับปลุกอีหม่านในหัวใจ.....................ถ้อยคำที่ไม่เคยหายไป

วันศุกร์ มีซุนนะห์ พี่น้องมุสลีมีนเตรียมตัวกันหรือยังคับ^_^



มีรายงานจากท่านอบู ฮุร็อยเราะฮฺเราะ ฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า

«مَنْ اغْتَسَلَ يَوْمَ الجُـمُعَةِ غُسْلَ الجَنَابَةِ، ثُمَّ رَاحَ فَكَأَنَّمَا قَرَّبَ بَدَنَةً، وَمَنْ رَاحَ فِي السَّاعَةِ الثَّانِيَةِ فَكَأَنَّمَا قَرَّبَ بَقَرَةً، وَمَنْ رَاحَ فِي السَّاعَةِ الثَّالِثَةِ فَكَأَنَّمَا قَرَّبَ كَبْشاً أَقْرَنَ، وَمَنْ رَاحَ فِي السَّاعَةِ الرَّابِـعَةِ فَكَأَنَّمَا قَرَّبَ دَجَاجَةً، وَمَنْ رَاحَ فِي السَّاعَةِ الخَامِسَةِ فَكَأَنَّمَا قَرَّبَ بَيْضَةً، فَإذَا خَرَجَ الإمَامُ حَضَرَتِ المَلائِكَةُ يَسْتَـمِعُونَ الذِّكْرَ»

ความว่า “ผู้ใดที่อาบน้ำในเช้าวันศุกร์เหมือนกับอาบน้ำญุนุบ หลังจากนั้นก็ไปมัสญิดตั้งแต่เนิ่นๆ ผลบุญของเขาเสมือนว่าเขาได้รับอูฐหนึ่งตัว และผู้ใดไปในหนึ่งชั่วโมงถัดไปเสมือนว่าเขาได้รับวัวหนึ่งตัว และผู้ใดไปในหนึ่งชั่วโมงถัดไปเสมือนว่าเขาได้รับแกะตัวผู้ที่มีเขาสวยงามหนึ่งตัว และผู้ใดไปในหนึ่งชั่วโมงถัดไปก็เสมือนว่าเขาได้รับไก่หนึ่งตัว และผู้ใดไปในหนึ่งชั่วโมงถัดไปก็เสมือนว่าเขาได้รับไข่หนึ่งใบ เมื่อใดที่อิมามออกมากล่าวคุฏบะฮฺแล้ว บรรดามะลาอิกะฮฺก็จะมานั่งฟังคำตักเตือนของอิมามด้วย” (มุตตะฟะกุน อะลัยฮฺ โดยมีบันทึกในอัล-บุคอรีย์ เลขที่ : 881 สำนวนนี้เป็นของอัล-บุคอรีย์ และมุสลิม เลขที่: 850)

มีอีกรายงานจากท่านเอาสฺ อิบนุ เอาสฺ อัษ-ษะเกาะฟียฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ ว่าท่านได้ยินท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

«مَنْ غَسَّلَ يَومَ الجُـمُعَةِ وَاغْتَسَلَ، ثُمّ بَكَّرَ وَابْتَـكَرَ، وَمَشَى وَلَـمْ يَرْكَبْ، وَدَنَا مِنَ الإمَامِ فَاسْتَـمَعَ وَلَـمْ يَلْغُ، كَانَ لَـهُ بِكُلِّ خَطْوَةٍ عَمَلُ سَنَةٍ أَجْرُ صِيَامِهَا وَقِيَامِهَا»

ความว่า “ผู้ใดตั้งใจที่จะอาบน้ำในวันศุกร์และอาบน้ำแต่เช้าหลังจากนั้นตั้งใจที่จะไปมัสญิดแต่เช้าแล้วเขาก็ไปเช้าโดยเดินเท้าไปไม่ได้ขี่พาหนะ เมื่อไปถึงเข้าประชิดใกล้อิมาม แล้วตั้งใจฟังคุฏบะฮฺไม่เผลอเลื่อนลอย เขาจะได้ในแต่ละๆก้าวที่เขาก้าวไปเท่ากับผลบุญการถือศีลอดและการละหมาดกิยามหนึ่งปี” (เป็นหะดีษเศาะฮีหฺ บันทึกโดยอบู ดาวูด หมายเลข 345 สำนวนนี้เป็นของท่าน และอิบนุ มาญะฮฺ 850)

มีผลบุญมากมายที่อัลลอฮให้กับมุสลีมีน อย่ารอช้านะพี่น้อง รีบไปมัสยิตกัน^^